วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

23 สถานที่ทั่วโลกที่น่าไปเยือน 2015

    
23 สถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก ที่น่าไปเยือนในปี 2015

 ใกล้จะถึงสิ้นปีแล้ว ปีเก่าผ่านไป...ปีใหม่ก็เข้ามาพร้อมกับสิ่งใหม่ ๆ เราเชื่อว่าหลายคนคงมีเป้าหมายใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนหรือการงาน รวมทั้งการเริ่มต้นพัฒนาตนเองในทุกด้าน ไม่ว่าจะคิดสิ่งใดก็ขอให้สมความปรารถนานะคะ แต่อย่าเครียดจนลืมหาเวลาผ่อนคลายด้วยการทำสิ่งที่ตนเองชอบ โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเติมแรงบันดาลใจ และใครที่ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนดีในปี 2015 นี้ เราก็มี 23 สถานที่น่าเที่ยวจากเว็บไซต์ businessinsider มาแนะนำกัน


ญี่ปุ่น (Japan)

ไม่ว่าจะกี่ปีญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่ครองใจนักท่องเที่ยวได้เสมอ โดยสถานที่ยอดฮิตตลอดกาลคงจะหนีไม่พ้นภูเขาไฟฟูจิที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์กสำคัญของแดนอาทิตย์อุทัย นอกจากนี้ยังมีดอกซากุระที่เบ่งบานพร้อมส่งประกายสีชมพูในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อีกทั้งญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่โดดเด่นเรื่องนวัตกรรมในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมต่าง ๆ ได้อย่างครบครัน มันจึงเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ซึ่งพร้อมจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้แวะเวียนเข้ามาเสมอ



ลิมา, เปรู (Lima, Peru)

        

สำหรับนักเดินทางที่เป็นทั้งขาเที่ยวและขากินตัวยงละก็ ลิมาน่าจะตอบโจทย์คุณได้ดี โดยการันตีจากรางวัล Latin America's 50 Best Restaurants Awards ซึ่ง 8 ใน 50 ร้านอาหารดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองลิมานั่นเอง นอกจากนี้มันยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัฒนธรรมหรือเทศกาลอันน่าสนใจ แถมในย่านมิลาฟลอเรสยังมีตึกสีสันสวย ๆ เรียงแนวยาวให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาไปกับมัน ที่สำคัญความเรียบง่ายแต่น่าหลงใหลเช่นนี้เองที่ทำให้ลิมาเป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งห้ามพลาดในปี 2015 นี้
หมู่เกาะ Lofoten, นอร์เวย์ (Lofoten Islands, Norway)

Lofoten Islands

          ใครที่เป็นสาวกของอันนาและเอลซ่า สองเจ้าหญิงแห่งดินแดนน้ำแข็งก็ห้ามพลาดเลย เพราะหมู่เกาะ Lofoten ในประเทศนอร์เวย์ถือเป็นต้นแบบของ Arendelle ซึ่งเป็นอาณาจักรของเจ้าหญิงทั้งสองนั่นเอง ความงดงามที่เห็นในแอนิเมชั่นว่าตระการตาแล้ว แต่การันตีว่าของจริงนั้นงดงามยิ่งกว่า โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่หิมะโปรยปรายและปกคลุมจนภูเขาสีเขียวกลายเป็นขาวโพลน ก็ทำให้อดจินตนาการไม่ได้ว่าเรากำลังอยู่ในโลกของความจริงหรือโลกการ์ตูนกันแน่ !
อิหร่าน (Iran)

Iran

          เชื่อเลยว่าหลายคนคงยังไม่แน่ใจว่าอิหร่านจะเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในปี 2015 นี้ อ๊ะ ๆ แต่อย่าเพิ่งตั้งแง่กับประเทศในดินแดนตะวันออกกลางนะคะ เพราะอิหร่านนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังโดดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมของมัสยิดอันวิจิตรงดงามและใหญ่โต โดยเฉพาะในเมืองอิสฟาฮานและเตหะรานที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามและมีธรรมชาติน่ายล
ล่องเรือตามแม่น้ำในยุโรป (River cruises in Europe)

River cruises in Europe

          ในปี 2015 นี้การท่องเที่ยวโดยล่องเรือไปตามแม่น้ำ ทะเล หรือมหาสมุทร ถือเป็นเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ เพราะคุณจะเพลิดเพลินไปกับวิวสวย ๆ ของผืนน้ำขนาดใหญ่พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใช้ชีวิตบนเรือไม่ว่าจะเป็นการกินหรือการนอน นอกจากนี้เรือจะแวะเข้าท่าในหัวเมืองท่องเที่ยวน่าสนใจต่าง ๆ ดังนั้นคุณยังจะเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมของสถานที่ต่าง ๆ ได้แบบไม่รู้เบื่อเลย ทั้งนี้ก่อนเดินทางก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนด้วยนะคะ ที่สำคัญสำหรับคนที่เมาเรือง่ายก็อย่าลืมพกยาติดตัวไปด้วยนะจ๊ะ
นามิเบีย (Namibia)

Namibia

          นามิเบียเป็นประเทศที่จะดึงฝูงชนให้มาเยือนแอฟริกามากขึ้น ด้วยมันเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยในทวีปแอฟริกา อีกทั้งยังมีทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นภูเขา, ทะเล หรือทะเลทรายขนาดใหญ่ รวมทั้งสัตว์ป่าในเขตร้อนที่รับรองว่าจะไม่มีที่ไหนทำให้คุณตื่นตาตื่นใจได้เท่านี้ นามิเบียจึงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัย

 แคนเบอรา, ออสเตรเลีย (Canberra, Australia)

Canberra

          แคนเบอรา เป็นเมืองของออสเตรเลียซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ แม้จะไม่ใช่เมืองที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นเหมือนซิดนีย์ หรือมีหาดทรายสวย ๆ อย่างหาดไวท์เฮเวนในรัฐควีนส์แลนด์ แต่แคนเบอราก็ถูกจัดให้เป็นดินแดนที่น่าอยู่อาศัยมากที่สุดจากการการันตีของ The New York Times ด้วยเป็นเมืองที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนเป็นมิตร ซึ่งเหมาะแก่การท่องเที่ยวชิล ๆ หรือพักผ่อนแบบเรียบง่าย
  เบอร์ลิน, เยอรมนี (Berlin, Germany)

Berlin

          หลังจากกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงไป ทำให้ชาวเยอรมันทั้งสองฟากฝั่งมีเสรีภาพที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมทั้งทำให้เบอร์ลินกลับกลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ว่ากันว่าเบอร์ลินจะกำลังจะกลายเป็นเมืองที่มีความทันสมัยที่สุดในยุโรปในอนาคตอันใกล้นี้ นับว่าน่าสนใจหากคุณชื่นชอบสถานที่ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงาม ร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ และหลงรักแสงสียามค่ำคืน เบอร์ลินจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลยค่ะ

 เกาะปาลาวัน, ฟิลิปปินส์ (Palawan, Philippines)

Palawan

          เกาะปาลาวัน เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดปาลาวัน ชายฝั่งตอนเหนือของเกาะตั้งขนานกับทะเลจีนใต้ ขณะที่ชายฝั่งตอนใต้ติดกับทิศเหนือของทะเลซูลู ทำให้สีของน้ำทะเลรอบเกาะนั้นมีทั้งสีฟ้าผสมกับสีเขียวมรกต ที่สำคัญยังใสจนมองเห็นสาหร่ายทะเล ปะการัง และโขดหินด้านล่าง ยิ่งเวลาที่ท้องฟ้าโปร่งด้วยแล้ว เงาของปุยเมฆสีขาวบวกกับสีฟ้าครามของท้องฟ้าที่สะท้อนลงมาในน้ำยังก่อให้เกิดภาพที่สวยงามและโรแมนติกมากทีเดียว แถมยังอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราด้วย

 ลิทัวเนีย (Lithuania)

Lithuania

          คุณรู้จักลิทัวเนียดีแค่ไหน ? ถ้าคำตอบคือไม่ ก็อย่าเพิ่งเอาลิทัวเนียออกจากลิสต์รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจนะคะ แม้ว่าลิทัวเนียจะไม่ใช่ประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่น แต่มันเป็นประเทศที่มีเสน่ห์โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นนักท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว ลิทัวเนียมีทั้งปราสาทอันเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์ซึ่งถูกยกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของลิทัวเนียได้เป็นอย่างดี

 เดนเวอร์, โคโลราโด (Denver, Colorado)

Colorado
ภาพจาก Colorado / shutterstock.com
          เดนเวอร์เป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจในรัฐโคโลราโด ทั้งด้านสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพิพิธภัณฑ์ศิลปะเดนเวอร์และเป็นศูนย์ศิลปะการแสดง ซึ่งการันตีได้ว่ามันเป็นเมืองที่เหมาะแก่นักท่องเที่ยวสุดอาร์ต หรือใครที่ชื่นชอบการลิ้มรสไวน์ คุณสามารถเลือกจิบไวน์รสชาติต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ อีกทั้งมันยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเบียร์ท้องถิ่นที่มีรสชาติไม่ซ้ำใคร เรียกว่าหากคุณเป็นนักดื่มตัวยงและชอบเสพศิลปะแนว ๆ ละก็ เดนเวอร์ คือ สถานที่ซึ่งคุณห้ามพลาดในปี 2015 นี้

 เคปทาวน์, แอฟริกาใต้ (Cape Town, South Africa)

Cape Town

          เคปทาวน์ เมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเรียบง่ายของผู้คน อีกทั้งบรรยากาศยังเหมาะแก่การพักผ่อน ด้านทัศนียภาพนั้นยังมีภูเขาเทเบิล (Table Mountain) ซึ่งมีรูปร่างลักษณะเหมือนโต๊ะที่ตั้งตระหง่านอยู่ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวให้คุณได้เห็นเคปทาวน์ในมุมหวาดเสียวอีกด้วย นอกจากจะได้เห็นต้นไม้ดอกไม้นานาพรรณแล้ว ยังได้เห็นวิวของน้ำทะเลสุดกว้างใหญ่ นับเป็นภาพความงดงามที่ลงตัวมากทีเดียว
ฟลอเรนซ์, อิตาลี (Florence, Italy)

Florence

          ฟลอเรนซ์ คือ อีกหนึ่งเมืองที่ควรไปเยือนสักครั้งหากมาเที่ยวอิตาลี แวะเวียนมาชมกับสถานที่ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งศิลปะของโลก พร้อมทั้งชมสิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมในยุคศิลปะฟื้นฟูของอิตาลี ที่สำคัญยังขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติกอีกด้วย ใครที่กำลังหาสถานที่เดทกันสองต่อสองหรือเพิ่มความหวานให้แก่กันรับวันปีใหม่นี้ก็แวะเวียนมาได้ที่ฟลอเรนซ์เลยค่ะ

 เกาะคูราเซา/กอร์ซอว์, เนเธอร์แลนด์ (Curacao, Nederlands)

Curacao

          ดินแดนแห่งกังหันลมอย่างเนเธอร์แลนด์ยังมีเกาะที่น่าสนใจ และเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวหมายปองอยากมาเยือนสักครั้ง นั่นก็คือ เกาะคูราเซา ซึ่งแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก โดยมีทะเลแคริบเบียนขั้นอยู่ตรงกลาง ซึ่งนอกจากคุณจะได้เห็นทิวทัศน์สวย ๆ พร้อมรับลมทะเลเย็น ๆ แล้ว คุณยังจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมอันงดงามของอาคารบ้านเรือนหลากสีสันในวิลเลมสตัดอย่างเต็มอิ่ม และด้วยสีสันสวยงามแบบนี้เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนแบบไม่ขาดสายเลย

 เกาะไหหลำ, จีน (Hainan Island, China)

Hainan Island

          เกาะไหหลำ ตั้งอยู่ทางทะเลจีนใต้ของประเทศจีน มันเป็นเกาะที่มีอัตราการเติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ด้วยทัศนียภาพอันสวยงามของน้ำทะเล อีกทั้งยังมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิมที่มีฐานทอดยาวลงไปในน้ำทะเลด้วย นอกจากนี้ยังมีเทศกาลการแข่งขันกระดานโต้คลื่นเป็นประจำทุกปี ใครที่สนใจอยากมาสัมผัสกับที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์หรือเล่นน้ำทะเลใส ๆ ก็มากันได้เลย

 แคว้นบาสก์, สเปน (Basque, Spain)

Basque

          แคว้นบาสก์ ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีชายหาดที่สวยงามทำให้มันคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะเทศกาลที่เชื่อว่านักท่องเที่ยวตั้งตารออย่าง Running of the Bulls หรือเทศกาลวิ่งวัวกระทิงก็เป็นที่สนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเช่นกัน

 แทสมาเนีย, ออสเตรเลีย (Tasmania, Australia)

Tasmania

          ใครที่เป็นนักท่องเที่ยวผู้รักการผจญภัยก็มาทางนี้เลยค่ะ เพราะแทสมาเนียเต็มไปด้วยหน้าผา ทะเล ชายป่า และอุทยานแห่งชาติให้นักท่องเที่ยวได้เดินสำรวจความสมบูรณ์ของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด อีกทั้งคุณยังจะได้เห็นสัตว์ป่าหายากหลายชนิด นอกจากนี้หากใครที่เป็นนักปั่นอยู่แล้วก็คงจะเพลิดเพลินไปกับการขี่จักรยานภูเขาสำรวจเส้นทางที่น่าสนใจ หรือใครที่เป็นนักดื่มไวน์ตัวยงละก็ แทสมาเนียนั้นมีไวน์หลากหลายรสชาติให้คุณได้ลิ้มลอง

 ควีนส์, นิวยอร์ก (Queens, New York)

Queens

          นิวยอร์กถือเป็นมหานครของโลกที่ซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายในทุกเมืองโดยเฉพาะควีนส์ ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีความหลากหลายที่สุดในโลก ด้วยการอพยพถิ่นฐานของผู้คนกว่า 100 ประเทศ ซึ่งพูดคุยกันกว่า 138 ภาษา และนั่นยังหมายถึงอาหารที่มีความหลากหลายจากแต่ละประเทศด้วย เหตุนี้เองควีนส์จึงถูกยกเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่ดีที่สุดในโลก

ริโอ เดอ จาเนโร, บราซิล (Rio de Janeiro, Brazil)

Rio de Janeiro
ภาพจาก Mark Schwettmann / shutterstock.com

          ริโอ เดอ จาเนโร โด่งดังเรื่องเทศกาลและคาร์นิวัล ซึ่งถือเป็นสีสันที่ทำให้บราซิลเป็นประเทศที่คึกคักอยู่เสมอ รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่อยากไปสัมผัสกับวัฒนธรรมสไตล์แซมบ้าสักครั้ง นอกจากนี้ยังมีเกมกีฬาที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างเช่นในปี 2014 ซึ่งบราซิลเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้บราซิลนั้นตื่นตัวที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ผ่อนคลายไปพร้อม ๆ กับการชมเกมกีฬา และในอีก 2 ปีข้างหน้า บราซิลยังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย และแน่นอนว่าย่อมมีการเตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ติดใจจนอยากแวะเวียนกลับมาอีกครั้ง

 ไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland)

Northern Ireland
ภาพจาก Serg Zastavkin / shutterstock.com
          ไอร์แลนด์เหนือ เป็นประเทศในเครือสหราชอาณาจักร ที่ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะ The Giant's Causeway หรือทางเดินของยักษ์ เนื่องจากหินบริเวณนี้จะมีลักษณ์เหมือนแท่งปูนขนาดเท่า ๆ กันมาจัดเรียงกันและลดลั่นระดับสูง-ต่ำได้อย่างสวยงาม แต่ความจริง คือ มันเป็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมาต่างหาก นอกจากนี้ในหลายสถานที่ของไอร์แลนด์เหนือยังถูกใช้เป็นโลเคชั่นหลักของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones ด้วย งานนี้แฟน ๆ ซีรีส์คงอยากจะเดินรอยตามกันเป็นแถว

 พิตต์สเบิร์ก, เพนซิลเวเนีย (Pittsburgh, Pennsylvania)

Pittsburgh

          พิตต์สเบิร์ก เคยถูกตีตราว่าเป็นเมืองแห่งชนชั้นแรงงาน ทว่าในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจะเห็นว่าพิตต์สเบิร์กมีความเจริญอย่างยิ่งยวดทั้งในด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยว นอกจากนี้ในย่าน Lawrenceville ยังเป็นศูนย์กลางของความทันสมัยทั้งในด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งร้านอาหารและบาร์มากมายให้นักท่องเที่ยวดื่มด่ำบรรยากาศในยามราตรีแบบสุดเหวี่ยง

 พม่า (Myanmar)
  
Myanmar
ภาพจาก Seqoya/shutterstock.com

          หลังจากที่พม่าเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่านักท่องเที่ยวนั้นหลั่งไหลไปเยือนพม่าแบบไม่ขาดสาย ด้วยวัฒนธรรมการแต่งกาย, ความเป็นอยู่ และอาหารการกินแบบดั้งเดิม ซึ่งถึงแม้ว่าด้านความเจริญจะค่อย ๆ ก้าวไปช้า ๆ ทว่าพม่ายังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ได้แก่ พุกาม ดินแดนแห่งเจดีย์สี่พันองค์, เจดีย์ชเวดากอง พระมหาธาตุเจดีย์ที่มีชื่อเสียงและยังถือเป็นแลนด์มาร์กของพม่า เป็นต้น

 ลูบลิยานา, สโลวีเนีย (Ljubljana, Slovenia)

Ljubljana

          สโลวีเนีย เป็นประเทศเล็ก ๆ ท่ามกลางประเทศอิตาลี, โคเอเชีย, ฮังการี และออสเตรีย แม้จะถูกรายล้อมด้วยประเทศใหญ่แต่ก็ไม่ได้บดบังความงามของสโลวีเนียแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามมันยังคงเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะที่ลูบลิยานาซึ่งเป็นเมืองหลวงของสโลวีเนียที่ซึ่งเต็มไปด้วยด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์, แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ, อาหารเลิศรส อีกทั้งสโลวีเนียยังถูกยกให้เป็น
ประเทศที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในยุโรปอีกด้วย

ที่มา: http://travel.kapook.com/view107915.html



















วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

10 ประเทศน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2015

♢10 ประเทศน่าเที่ยวที่สุดในโลกประจำปี 2015♢

1.ประเทศสิงโปร์


าคารเก่าแก่ พื้นที่สีเขียว ศูนย์อาหารกลางแจ้ง (ฮ็อกเกอร์เซ็นเตอร์) และช็อปปิ้งมอลล์ คือสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางไปเยือนสิงคโปร์  แต่ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งบันเทิงใหม่ๆ ในแถบมารีน่า เบย์ กำลังเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว ส่วนใครที่ชื่นชอบศิลปะห้ามพลาดชมผลงานต่างๆ ของศิลปินในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมทั้งศิลปินไทย) ที่ “เนชั่นแนล แกลเลอรี่” ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปีหน้า


2.สาธารณรัฐนามิเบีย

ประเทศนี้มีความก้าวหน้าในเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและถือเป็นวาระแห่งชาติโดยมีการบรรจุบทบัญญัติเกี่ยวกับการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นประเทศแรกในแถบแอฟริกาและมอบอำนาจให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปกป้องดูแล



3.สาธารณรัฐลิทัวเนีย


 ลิทัวเนีย มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เก่าแก่ และแปลกตาให้เที่ยวชมหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งมรดกโลกอย่าง “โคโรเนียน สปิท” เนินทรายยาว 98 ก.ม.  ซึ่งคั่นกลางระหว่างโคโลเนียน ลากูน และชายฝั่งทะเลบอลติก ตลอดจน “เขตเมืองเก่าในวิลนีอุส”  เป็นต้น


4.สาธารณรัฐนิการากัว


นิการากัว เป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยือนประเทศนี้ก็คือ เมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล, ชายหาดที่สวยงามและเป็นสวรรค์ของนักโต้คลื่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ, การท่องเที่ยวแนวผจญภัย, ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลาย, แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน, กาแฟรสชาติเยี่ยม, อาหารอันโอชะ  ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพงมากนัก


5.สาธารณรัฐไอซ์เเลนด์

ม้ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงแต่ไอร์แลนด์ก็เป็นดินแดนเปี่ยมเสน่ห์และเป็นประเทศเก่าแก่  นอกจากแหล่งมรดกโลก 3 แห่ง ปราสาทโบราณ และวิวทิวทัศน์ที่สวยตะลึงแล้ว ที่นี่ยังมีบ้านเก่าแก่ที่มุงหลังคาด้วยฟาง มีฝูงแกะตัวอ้วนเดินเพ่นพ่านบนถนน (และทุกหนทุกแห่ง) ในชนบท มีดนตรี การละเล่นเต้นรำ ตลอดจนวิสกี้ เบียร์ กาแฟ ฯลฯ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และที่ห้ามพลาดในปีหน้าก็คือ การเดินทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของประเทศไอร์แลนด์บนเส้นทาง “Wild Atlantic Way” อันเลื่องชื่อ


6.สาธารณรัฐคองโก


สาธารณรัฐคองโกเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันปิโตรเลียม ไม้ซุง แร่และโลหะล้ำค่า ก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ มีความหนาแแน่นของประชากรค่อนข้างต่ำ  ขณะที่บริเวณป่าเขตร้อนอันกว้างใหญ่ไพศาลทางตอนเหนือไม่มีการตั้ง ถิ่นฐานของประชาชน  แม้ปัจจุบันจะยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนประเทศนี้น้อยมาก แต่ภาครัฐบาลก็ปะแป้งแต่งตัวรอโดยทำการฟื้นฟูอุทยานแห่งชาติ ตลอดจนขยับขยายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้รองรับนักท่องเที่ยว


7.สาธารณรัฐเซอร์เบีย


เซอร์เบียเป็นประเทศในแถบยุโรปที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงอย่างที่คิด ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง แถมผู้คนที่นี่ยังเป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวอีกด้วย ในช่วงฤดูร้อนนักท่องเที่ยวมักนิยมเดินทางไปเยือนเมืองเบลเกรด ซึ่งเป็นทั้งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของเซอร์เบียเพื่อเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และอนุสรณ์สถานในย่านเมืองเก่า  ตลอดจนชื่นชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประกอบกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีม และออกตะลุยราตรีตามไนท์คลับที่มีอยู่ทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายฝั่งแม่น้ำซาวาและดานูบ


8.สาธารณรัฐฟิลิปปินส์


ฟิลิปปินส์ ประกอบด้วยเกาะมากกว่า 7 พันเกาะ จึงเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำและผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางทะเล โดยแหล่งท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อก็คือ “เกาะโบรากาย” ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกาะน่าเที่ยวที่สุดในโลก นอกจากหาดทรายสีขาวและแนวปะการังแล้ว เมืองหลวงของฟิลิปปินส์อย่างกรุงมะนิลายังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งให้เที่ยวชม ส่วนที่จังหวัดอิฟูเกาก็มี “นาขั้นบันไดบานาวี” ที่สวยงามและมีอายุยาวนานถึง 2 พันปี หรือถ้าอยากไปเยี่ยมชมเมืองเก่าก็ต้องมุ่งหน้าไปที่เมืองวีแกน ถ้าอยากเห็นทัศนียภาพแปลกๆ ก็ต้องไปชม “ช็อกโกแลต ฮิลล์ส” ที่จังหวัดโบโฮล ส่วนของดีในเมืองเซบูก็คือไม้กางเขนโบราณอายุเกือบ 500 ปี แต่ถ้าอยากไปเยือนแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติก็ต้องไปที่ “อุทยานแห่งชาติทางทะเลทับบาทาฮา” ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์กลางทะเลซูลูที่มีความอุดมสมบูรณ์และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำที่ดีที่สุดในโลก ฯลฯ


9.ประเทศเซนต์ลูเซีย

เซนต์ลูเซีย เป็นประเทศเกาะ (เกาะภูเขาไฟ) ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลแคริบเบียน ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก มีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงามโดดเด่นและมีความเป็นภูเขามากกว่าเกาะอื่นๆนอกจากการรับลมชมวิวบนชายหาดสีทองแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้เลือกทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำเเบบน้ำตื้นและน้ำลึกซึ่งฮอตฮิตที่สุด หรือจะเป็นการล่องเรือ เล่นวินเซิร์ฟ เล่น “ไคท์ บอร์ดดิ้ง” ส่องนก ตกปลา แอบดูอีกัวน่า ว่ายน้ำกับปลาโลมา ชมเต่าทะเลวางไข่บนชายหาด หรือเที่ยวชมสวนพฤกษศาสตร์ เป็นต้น ที่นี่ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการปีนเขาและเดินสำรวจป่าดิบชื้นอีกด้วย แต่ไฮไลต์เด็ดห้ามพลาดเมื่อเดินทางไปเยือนที่นี่ก็คือ การขับรถขึ้นไปชมปล่องภูเขาไฟ (กล่าวกันว่าเป็นภูเขาไฟแบบไดรฟ์-อินแห่งเดียวในโลก)

10.ราชอาณาจักรโมร็อกโก


โมร็อกโกมีความแตกต่างจากประเทศส่วนใหญ่ในทวีปแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นสภาพบ้านเมืองที่มีความทันสมัยกว่าและมีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปที่ผ่านมา โมร็อกโกให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมาก และสถานที่ๆ ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวก็คือพื้นที่ตามแนวชายฝั่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และการเที่ยวชมศิลปวัฒนธรรม แต่เมืองที่โลนลี่ แพลนเน็ตแนะนำให้เดินทางไปเยือนในปีนี้ก็คือ เมืองเฟส ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงและหนึ่งในเมืองสมัยยุคกลางที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก


ที่มา: https://paow007.wordpress.com/2015/02/19/10-อันดับ-ประเทศน่าเที่ยว-2/
















วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การจองตั๋วเครื่องบิน



  ♡ เทคนิคการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก♡




หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลเที่ยวบินกว่า 250 ล้านเที่ยวบิน Skyscanner พบว่า 19 สัปดาห์ก่อนการเดินทาง คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบิน โดยจะสามารถประหยัดราคาค่าตั๋วเครื่องบินได้ประมาณร้อยละ 8 ของราคาปกติ




ที่มา :http://www.skyscanner.co.th/news/เคล็ดลับการจองตั๋วเครื่องบินเดินทางไปประเทศยอดนิยมในราคาถูกที่สุด 


♢การเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน♢


เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม หรือไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควรกับการเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน เพราะคิดเอาเองว่านั่งตรงไหนก็เหมือนกัน หรือบางคนก็เลือกแค่ริมทางเดิน หรือ ริมหน้าต่าง โดยไม่ได้สนใจหรอก ว่าแท้จริงแล้ว เราควรนั่งตรงไหนกันแน่?
ที่นั่งริมหน้าต่าง (Window Seat) เป็นที่นั่งยอดฮิต มักถูกหมายปองเป็นลำดับแรก เพราะที่นั่งริมหน้าต่าง ผู้นั่งสามารถชื่นชมวิวทิวทัศน์ได้ โดยไม่ต้องชะโงกหน้ามองข้ามศีรษะใคร เหมาะสำหรับเดินทางระยะไกล และอาจไม่สะดวกหากต้องลุกออกจากที่นั่งเพื่อเข้าห้องน้ำหรือทำธุระอื่น ๆ ซึ่งต้องลุกเดินผ่านที่นั่งด้านข้างเคียง ในกรณีที่เป็นคนแปลกหน้า อาจทำให้เกิดความรำคาญถ้าต้องเดินเข้า-ออก หลายครั้ง แต่หากเป็นคนรู้จักกันปัญหาคงน้อยลง นอกจากนี้ การนั่งในตำแหน่งริมหน้าต่างของเครื่องบิน อาจทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถขยับร่างกายได้เท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม หากท่านชอบนอนบนเครื่อง ก็สะดวกดี เหมาะกับคนนอนหลับง่าย



ที่นั่งตอนหน้าหรือหลังของเครื่อง ขึ้นอยู่กับประเภทของที่นั่งที่ท่านทำการจองไว้ หากเป็นประเภทเดียวกัน การเลือกที่นั่งช่วงที่ห่างจากห้องน้ำ มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า เนื่องจากผู้โดยสารที่เดินผ่านไป-มา แต่หากท่านคาดว่าจะต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้ง หรือ ไม่สะดวกในการเดินอาจเลือกช่วงที่ใกล้ห้องน้ำก็แล้วแต่ นอกจากนี้ การเลือกที่นั่งตอนหน้าจะได้รับการบริการจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก่อน ( เช่นการเสริฟอาหาร ) เนื่องจากขั้นตอนในการให้บริการ
ส่วนที่นั่งท้ายปีก เหมาะสำหรับท่านที่ชอบสามารถดูปีกเครื่องบิน โดยเฉพาะเวลา เวลา เทคออฟ (Take off) และ แลนดิ้ง (Landing) เพราะว่าดูการทำงานของปีกเครืองบิน

                

ที่นั่งติดทางออก (Exit seat) หรือ ที่นั่งใกล้กับประตูขึ้น-ลง ช่วยให้ไม่ต้องเดินหิ้วสัมภาระไกล หรือรอติดคิวยาวเหยียด กว่าจะได้นั่งประจำที่ หรือลงจากเครื่อง 

ที่นั่งริมทางเดิน Aisle seat หรือ Isle Seat ติดทางเดิน เหมาะสำหรับท่านที่ชอบเข้าห้องน้ำบ่อย หรือเดินทางทางไกล มักชอบริมทางเดิน และเข้าห้องน้ำสบาย ไม่รบกวนคนอื่นเค้า
                                   
ที่นั่งริมประตูฉุกเฉิน (Long Leg) สามารถเหยียดขาได้สะดวกดี แต่ว่าต้องสามารถช่วยเจ้าหน้าที่เขาได้ เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินต้องสละเครื่องบิน

ที่มา:http://blog.mushroomtravel.com/2012/04/blog-post.html?m=1




วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การขอวีซ่า

วีซ่า คือ ?

วีซ่า (Visa) คือ เอกสารสำคัญในการขออนุญาตเข้าประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือเขตปกครองเขตใดเขตหนึ่งโดยคนที่ไม่ได้มีสัญชาติของประเทศนั้น ๆ ในบางประเทศ ผู้ที่เป็นประชากร หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะต้องขอวีซ่า ประเภท Exit Visa เพื่อขออนุญาตก่อนที่จะออกจากประเทศนั้น ๆ ด้วยประเภทของวีซ่า

 


1.Transit Visa (วีซ่าเปลี่ยนเครื่อง) ปกติจะมีอายุประมาณ 5 วัน เพื่อเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่เป็นจุดหมาย

2.Tourist Visa (วีซ่าท่องเที่ยว) เพื่อจุดประสงค์ในการท่องเที่ยวหรือสันทนาการ โดยไม่มีกิจกรรมทางธุรกิจมาเกี่ยวข้องระหว่างการเดินทาง

3.Business Visa (วีซ่าธุรกิจ) เป็น Visa ที่มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำการค้าในประเทศนั้น ๆ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ ซึ่ง Visa ประเภทนี้ ในบางประเทศจะมีการรวมเอาการจ้างงานอย่างถาวรไว้ด้วย

4.Teporary Worker Visa (วีซ่าทำงาน ชั่วคราว) เพื่อยืนยันการได้รับอนุญาตให้ทำงานในประเทศนั้น ๆ ได้ โดยส่วนใหญ่ Visa ชนิดนี้ ขอได้ค่อนข้างยาก และมีช่วงเวลาการได้รับอนุญาตที่ยาวกว่า Visa ธุรกิจ              

5.On-Arival Visa (วีซ่าที่ได้รับเมื่อเดินทางถึงสนามบินที่เป็นจุดหมายการเดินทาง) Visa ชนิดนี้ จะได้รับตรงจุดตรวจคนเข้าเมือง 

6.Spousal Visa หรือ Partner Visa (วีซ่าแต่งงาน) อนุญาตให้คู่แต่งงาน (เพศชายหรือหญิงก็ตาม) ที่เป็นคู่ชีวิตของประชากรของประเทศนั้น ๆ สามารถเดินทางมาอยู่ด้วยกันได้

7.Student Visa (วีซ่านักเรียน) อนุญาตให้ผู้ถือ วีซ่าชนิดนี้ สามารถทำการเรียนในประเทศที่ได้รับ วีซ่านักเรียนได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด แต่บางประเทศก็ใช้ วีซ่าท่องเที่ยว แทน วีซ่าชนิดนี้

8.Working Holiday Visa (วีซ่าท่องเที่ยวและทำงาน) เป็น วีซ่าที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยมีสาระสำคัญคือ สามารถท่องเที่ยวและทำงานเพื่อหาประสบการณ์ภายในเงื่อนไขที่กำหนดได้ วีซ่าประเภทนี้ โดยส่วนใหญ่มักเปิดโอกาสให้กับ บุคคลในวัยเรียนและวัยทำงานที่มีอายุไม่เกินกว่า 30 ปี

9.Diplomatic Visa (วีซ่าทูต) เป็นวีซ่าที่ออกให้กับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางทางการทูต

10.Jounalist Visa วีซ่าสำหรับนักเขียน หรือนักข่าวจากหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับ

11.Immigration Visa เป็นวีซ่าอนุมัติให้กับผู้ที่ต้องการอพยพไปตั้งถิ่นฐาน ซึ่งกฎเกณฑ์และเงื่อนไข ขึ้นอยู่กับประเทศนั้น ๆ เป็นผู้กำหนด

12.Pensioner Visa (Retirement Visa) ออกให้ในบางประเทศ สำหรับผู้ที่แสดงให้เห็นว่ามีรายได้ในต่างประเทศที่เพียงพอ และไม่มีความประสงค์ที่จะทำงานแล้ว โดยส่วนใหญ่ มักมีการจำกัดอายุด้วย

13.Electronics Visa เป็นระบบวีซ่าที่ใช้การบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ซึ่งเชื่อมโยงกับหมายเลขหนังสือเดินทาง บาร์โค๊ด โดยจะไม่มีป้าย หรือ สติ๊กเกอร์ติดลงในหนังสือเดินทางประเทศที่คนไทยเดินทาง

ขั้นตอนการขอวีซ่า

ขั้นตอนที่ 1
สำหรับผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว:
ท่านสามารถดูประเภทวีซ่าที่ท่านต้องขอได้ที่ วีซ่าชั่วคราวทั่วไป วีซ่าแต่ละประเภทจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติและเอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นคำร้อง ให้เลือกประเภทวีซ่าที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการเดินทางของท่าน
โปรดศึกษา โปรแกรมยกเว้นการขอวีซ่าด้วย หากประเทศของท่านเข้าร่วมในโปรแกรมยกเว้นการขอวีซ่า ท่านก็ไม่จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่า หาก ท่านเดินทางเพื่อธุรกิจหรือท่องเที่ยว และ จะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่เกิน 90 วัน
ขั้นตอนที่ 2
ขั้นตอนต่อไปก็คือการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ให้เสร็จสมบูรณ์ โปรดอ่าน วิธีการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 อย่างละเอียด ข้อมูลทั้งหมดที่กรอกจะต้องถูกต้องและเป็นความจริง เมื่อยื่นแบบฟอร์มแล้วท่านจะไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงใดๆได้อีก หากต้องการความช่วยเหลือโปรดปรึกษาหน่วยงานที่ให้คำปรึกษาด้านวีซ่าหรือบริษัทแปล ศูนย์บริการข้อมูลจะไม่สามารถช่วยท่านกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ได้ เมื่อกรอกและยื่นแบบฟอร์มเสร็จแล้ว ท่านจะได้รับหมายเลขยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ซึ่งจะต้องใช้เพื่อจองนัดสัมภาษณ์
ขั้นตอนที่ 3
เมื่อระบุประเภทวีซ่าและกรอกแบบฟอร์ม DS-160 เสร็จแล้ว ผู้สมัครต้องชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ที่ หน้าค่าธรรมเนียมวีซ่า จะแสดงรายละเอียดของประเภทวีซ่าและค่าธรรมเนียมสำหรับวีซ่าแต่ละประเภทในสกุลเงินเหรียญสหรัฐและสกุลเงินท้องถิ่น
ในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า โปรดศึกษาข้อมูลที่หน้า ธนาคารและวิธีชำระค่าธรรมเนียม  ซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนในการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า ท่านจะต้องสร้างโปรไฟล์และเก็บหมายเลขใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าไว้เพื่อทำการจองนัดสัมภาษณ์ในภายหลัง
ขั้นตอนที่ 4
ในขั้นตอนนี้ท่านจะต้อง ล็อกอิน เข้าโปรไฟล์ของท่านด้วยรหัสอ้างอิงเดียวกับที่ท่านใช้ตอนที่ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า เมื่อท่านเข้าสู่ระบบแล้วท่านจะพบหน้าจอที่แสดงข้อมูลเฉพาะของท่าน
ให้คลิกปุ่ม “นัดสัมภาษณ์วีซ่า” ที่เมนูด้านซ้ายมือ
จากนั้นระบบจะเริ่มต้นขั้นตอนทำนัดสัมภาษณ์วีซ่าของท่าน โดยท่านจะต้องกรอกข้อมูลดังต่อไปนี้
  • หมายเลขหนังสือเดินทางของท่าน
  • หมายเลขใบเสร็จรับเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าของท่าน คลิก ที่นี่ หากท่านต้องการความช่วยเหลือในการค้นหาหมายเลขดังกล่าว
  • หมายเลขบาร์โค้ดสิบ (10) หลักที่ระบุไว้บนหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160
ระหว่างขั้นตอนนี้ ท่านจะสามารถเลือกประเภทวีซ่าของท่าน กรอกข้อมูลส่วนตัว เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับผู้อยู่ในอุปการะ เลือกที่อยู่ในการจัดส่งเอกสารคืน ยืนยันการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า และทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าได้
ขั้นตอนที่ 5
ไปที่ สถานทูตหรือสถานกงสุล ตามวันและเวลาที่ท่านมีนัดสัมภาษณ์ และตรวจสอบข้อมูลที่อธิบายไว้ในหน้า การทำนัดสัมภาษณ์วีซ่าเพื่อดูรายการเอกสารที่จำเป็นต้องนำติดตัวมาด้วยในวันนัดสัมภาษณ์
ขั้นตอนที่ 6
หากวีซ่าของท่านได้รับการอนุมัติ วีซ่าจะถูกส่งไปตามที่อยู่ที่ท่านได้ระบุไว้ระหว่างขั้นตอนการนัดสัมภาษณ์วีซ่า




ที่มา http://www.educatepark.com/visa/ 
http://www.ustraveldocs.com/th_th/th-niv-visaapply.asp#section2